เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๖ เม.ย. ๒๕๕๒

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เราชาวพุทธนะ ชาวพุทธ พระพุทธศาสนา พุทธะ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แต่เราชาวพุทธมีแต่ผู้หลับใหล หลับใหลกับความรู้สึกของตัวไง หลับใหลไปกับกิเลสตัณหาความทะยานอยาก เวลาพระพุทธเจ้าสอนนะ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สัจธรรมนะ อริยสัจ สัจธรรม มันเป็นสัจจะที่เขาหากัน แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารื้อค้นมาจนได้พบเห็น รู้สัจธรรม สัจธรรม อริยสัจจะ

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาธัมมจักร ฯ พวกเทวดา อินทร์ พรหม ส่งต่อๆ กันไป “จักรได้เคลื่อนแล้ว! จักรได้เคลื่อนแล้ว!” ธรรมะได้เคลื่อนแล้วไง ไม่มีใครจะย้อนกลับได้ ไม่มีใครจะย้อนธรรมะนี้กลับได้ มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้เพราะอะไร เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมแล้ว ตรัสรู้คือว่าของนั้นจบสิ้นกระบวนการไปแล้ว ไม่มีใครย้อนกลับได้

แต่ในปัจจุบันนี้ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการมาเป็นธรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เราเป็นชาวพุทธ เราจะย้อนกลับกันไง นี่ทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วเราจะได้ดี เราย้อนกลับ พวกเรานี่ย้อนกลับ แต่ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าย้อนกลับไม่ได้ มันเป็นข้อเท็จจริงอย่างนั้น ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว.. ทำดีต้องได้ดี แต่คนดี คนจะทำดีต้องมีความเข้มแข็ง ความเข้มแข็ง ความกล้าหาญ ความอดทน ศีลธรรมจริยธรรมในหัวใจต้องมั่นคง มั่นคง แล้วเจอโลกธรรม

เวลาผู้ที่ประพฤติปฏิบัติจะสิ้นกิเลสแล้ว เหมือนหลักศิลา ๘ ศอก ปักไปในดิน ๔ ศอก อีก ๔ ศอกโผล่ขึ้นมาโดนฝนโดนลมขนาดไหน ลมแรงขนาดไหนมันไม่โยกไม่คลอน ใจถ้ามีหลักมีเกณฑ์ ทำดีต้องได้ดี ถ้าเรามีหลักมีเกณฑ์ของเรา เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ เวลาเสียสละ เสียสละทั้งนั้นเลย อย่างเรานี่มันทนไม่ไหว พอมันทนไม่ไหวเราก็คลอนแคลน ความดีของเราไม่ถึงที่สุดไง

ความดีของโลกๆ นะ ในบ้านเรามีความสงบร่มเย็น เราก็เป็นความดีแล้ว เรามีสิ่งใด ปัจจัยเครื่องอาศัยใช้สอยก็เป็นบุญกุศลของเราแล้ว บุญกุศลของเรามันใช้ประโยชน์ในบุญกุศลนี้โดยที่เราไม่เข้าใจ ถ้าบุญกุศลเราเข้าใจ สิ่งที่เราได้มา สิ่งที่เป็นประโยชน์กับเรา เราเสียสละออกไปเพื่อสังคม เพื่อความสมานฉันท์ เพื่อความสุขของสังคม คนอื่นมีความสุขเราก็มีความสุขด้วย ความสุขของเรากับความสุขของสาธารณชน ความสุขของสาธารณชน เวลาเกิดข้าศึก การรบพุ่งกัน ชนะศึกใดหมื่นแสนคูณด้วยล้านก่อเวรก่อกรรม ชนะตนคนเดียวนี่สำคัญที่สุดเลย แต่ขนาดเราเสียสละ เราสุขคนเดียวมันมีประโยชน์อะไร แต่เราสุขเพื่อสังคมมีความสุข ถ้าสังคมมีความร่มเย็นเป็นสุขขึ้นมา ความร่มเย็นเป็นสุขเกิดจากใคร เกิดจากเรา อำนาจวาสนาบารมีมันเกิดตรงนี้ เกิดตรงที่ความร่มเย็นเป็นสุขนั้นเกิดจากเรา ไม่ใช่ว่าเรามีตัณหาความทะยานอยาก เราอยากใหญ่ อยากนั่งบนหัวคนไง กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันต้องนั่งอยู่บนหัวคนนะ มันต้องการให้คนยอมรับ แต่มันไม่ทำคุณงามความดี ถ้ายอมรับโดยธรรม เราทำคุณงามความดี

ดูสิ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำบุญกุศลมาจนตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปที่ไหนนะ คนที่ศรัทธามีความเชื่อ เขาเสียสละนะ เขาทำบุญกุศลเพื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่เนื้อนาบุญของโลก แต่พวกเจ้าลัทธิต่างๆ เขาจ้างคนมาด่านะ เขาจ้างคนมารังแก เขากลั่นแกล้งตลอด นี่การทำความดี คนจะเห็นดีกับเราไปทุกคน มันเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่โต้แย้งมา

แล้วความดีอันละเอียด เขาโคกับขนโค เขาโคมี ๒ เขา ขนโคอยู่เต็มตัวเลย ทำคุณงามความดีของเรา เราจะประพฤติปฏิบัติของเรา เราต้องต้านแรงเสียดสีของโลกเขา เขาจะมองเราเป็นเศษคนเลย นี่เศษคนในสายตาของโลกนะ แต่ในสายตาของธรรม เวลาครูบาอาจารย์อยู่ในป่าในเขา ดูสัตว์สิ สัตว์มันอยู่ในป่าในเขาของมัน สัตว์ป่ามันอยู่ในป่านะ มันดำรงเผ่าพันธุ์ของมันมา เจ็บไข้ได้ป่วย สัญชาตญาณของมัน มันรักษาตัวมันเอง

แต่เราเป็นคน เราเข้าไปอยู่ในป่า เราเป็นคนในป่า ดูพวกนายพรานล่าสัตว์เขาเข้าป่ากัน เขามีเครื่องมือป้องกันนะ เราไปมีบริขาร ๘ มือเปล่าๆ ไปอยู่ในป่า ไม่ใช่สัตว์ป่า ไปอยู่ในป่าแบบนักพรต ไปอยู่ในป่าในเขาเพราะอะไร เพราะไปอยู่ในป่าในเขานี่ธรรมชาติ สิ่งที่ธรรมชาติมันบีบคั้นกับกิเลสตัณหาความทะยานอยาก

ดูสิ ดูมนุษย์ คนอยู่ในป่า เขาต้องเข้าไปหางานทำในเมืองนะ เพราะในเมืองมันเป็นแหล่งอาหาร แต่เวลาคนป่าเขาหาอาหารเขาหาในป่า แต่เขาหางานทำ เขามาหาในเมืองกัน เห็นไหม เขาคลุกคลีกัน เขามีความอบอุ่นกัน เขาก็มีคนช่วยเหลือเจือจานเขา แต่เราไปอยู่ในป่าน่ะ เราเสียสละออกไป ไปแบบนอแรด ในหัวใจจะโดนบีบคั้นนะ นี่มันวิตกกังวลไปหมดเลย เราจะดำรงชีวิตอย่างไร เราเจ็บไข้ได้ป่วยใครจะดูแลเรา เราไปเจอเหตุการณ์ในป่าในเขา เหตุการณ์ข้างหน้าเรา เรายังไม่รู้วันนี้เราจะพบเจอเหตุการณ์อย่างใด มันไม่มีอะไรเป็นสิ่งที่เราคาดหมายได้เลย มันจะเป็นปัจจุบัน หัวใจมันก็ย้อนกลับมาที่เรา ถ้าเราไม่รักษาใจเราเอง เราจะพึ่งพาอาศัยใคร เราจะพึ่งพาอาศัยเรานะ

เราไปอยู่ในป่าในเขา เราไม่ใช่สัตว์ป่า คนเขามองว่าสัตว์ป่ามันต่ำต้อย สัตว์ป่ามันไม่มีเจ้าของ ไม่มีใครดูแลมัน แต่เรามีธรรมะเป็นที่พึ่งอาศัย อาศัยธรรม ศีลธรรมจริยธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทโธ ธัมโม สังโฆ เราเข้าป่าเข้าเขาให้ใจมันพึ่งพาอาศัยพุทโธ ธัมโม สังโฆ.. พุทธ ธรรม.. ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปฏิบัติธรรมให้ใจมันมั่นคงขึ้นมาให้ได้ เราไปอยู่ในป่าในเขาเพื่อรักษาเรา เพื่อรื้อค้นหาตัวตนของเรา เพื่อชำระกิเลสของเรา สัตว์ป่ามันอยู่ในป่าของมันโดยที่เป็นสัญชาตญาณของมัน มันไม่มีประโยชน์อะไรกับมัน เพราะมันเกิดมาในสัญชาตญาณของสัตว์ แต่มันสัตว์อยู่ในป่า มันก็ดำรงเผ่าพันธุ์ของมัน

เราเป็นสัตว์มนุษย์ สัตว์ที่ประเสริฐ แล้วประเสริฐจริงไหม ถ้าประเสริฐทำไมไม่มีสมอง ประเสริฐทำไมไม่มีความคิด ความคิดมันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ แต่ธรรมที่จะเกิดขึ้นมาจากใจ เราหาพื้นที่ของใจได้ไหม ถ้าเราหาพื้นที่ของใจเราได้ ปัญญาที่เกิดจากใจกับปัญญาที่เกิดจากสมอง มันต่างกัน นี่ภาวนามยปัญญา ปัญญาทางสมอง ปัญญาทางโลกียปัญญา ปัญญาทางโลก ปัญญาทางวิชาการ ปัญญาในปัจจุบันที่เราค้นหาจิตของเรา จิตของเราอยู่ที่ไหน ความรู้สึกของเราอยู่ที่ไหน ตัวตนเราอยู่ที่ไหน แล้วปัญญามันเกิดจากตรงนั้น ทำลายกิเลสกันที่นั้น

เราไปอยู่ในป่าในเขา เราไม่ใช่สัตว์ป่า เราเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เราเป็นผู้ที่คงไว้ซึ่งสัจธรรม เราจะเข้าไปหาสัจธรรมของเราขึ้นมา มันจะหาได้ต่อเมื่อมันเผชิญกับสัจจะความจริง ไม่ใช่ทำที่ปาก อยู่ที่ปากนะ ความดีๆ มันดีหน้ากาก สังคมมันใส่หน้ากากเข้าหากัน นี่ความดี ความดีของใคร ความดีของกิเลสตัณหาความทะยานอยาก ความดีแบบให้คนยอมรับ ความดีอยากจะขี่หัวคน ความดีอย่างนั้น.. คนรู้ทันคนนะ แต่เราไปอยู่ในป่าในเขา ความดีของใคร เราอยู่ในป่าคนเดียว ทุกข์อยู่คนเดียว รักษาอยู่คนเดียว มันจะให้ใครมายอมรับ ไม่มีใครมาดูเราหรอก ไม่มีใครมาเห็นใจเราด้วย ไม่มีใครมาเห็นพฤติกรรมของเราเลย เราเท่านั้น อัตตา หิ อัตตโน นาโถ.. ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตนจะเอาตนให้ได้ นี่ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว

ดีของใคร ดีของเรา ดีในสังคมไง นี่ใส่หน้ากากเข้าหากัน มีแต่ตลบตะแลง มีแต่แทงกันข้างหลัง ทุกคนจะเหยียบหัวกันขึ้นไป ใครมีอำนาจวาสนาอาศัยเป็นฐานแล้วเหยียบขึ้นไป แล้วแทงขึ้นไป ทำขึ้นไปเพื่อความดีของโลก แต่ความดีของเรา ความดีอยู่ในป่าในเขา ความดีของเราอยู่คนเดียว นี่แทงก็แทงกิเลสสิ ธรรมะมันต้องทำลายกิเลส ทำลายสิ่งที่มันพอกหัวใจ มันพอกหัวใจนะ มันพอกใจ มันทำให้ใจตกต่ำ มันทำให้ใจมีน้ำหนักถ่วงในหัวใจ มันทำลายเราตลอดเลย แล้วสิ่งนี้ทำไมไม่แก้ นี่ความดี ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว

แต่กว่าจะทำความดีโดยสัจธรรม ความจริง อริยสัจอย่างนี้ มันต้องมีอำนาจวาสนา มีบารมีไง มีอำนาจวาสนาบารมีเพราะมีจุดยืน โลกมีแรงเสียดสีขนาดไหน จะบอกว่าคนนี้คนไร้ค่า คนนี้ไม่สู้สังคม คนนี้ไม่แสวงหาผลประโยชน์ทางโลก นี่กามคุณ ๕ กามคุณทั้งหลายเขาไม่แสวงหา เขาละทิ้ง นั่นมันกามคุณ คุณของโลก คุณของการดำรงเผ่าพันธุ์

แต่ธรรม ธรรมที่เหนือ พรหมจรรย์ ธรรมแท้ๆ มันอยู่ที่ไหน แล้วธรรมแท้ๆ มันเป็นที่พึ่งอาศัยได้แท้จริง นี่ความดีของเรานะ ถ้าเราทำลายกิเลสในหัวใจของเราได้หมดแล้ว โลกก็คือโลก เราอยู่กับโลกเขา เห็นโลก.. ใจดวงหนึ่งสู่ใจดวงหนึ่ง ใจของเรามันเคยดิ้นรนขนาดไหน ใจของเรามันดิ้นรนขนาดไหนนะ ดิ้นรนนะ ถ้าดิ้นรน มีอำนาจวาสนา ดิ้นรนแล้วมันก็ทำลายแต่ตัวเราเองนะ แต่ถ้ามันดิ้นรน มันทำลายเราแล้ว เวลาโกรธขึ้นมา มันทำลายเราจนเราไม่มีรากฐานสิ่งใดๆ เลย แล้วก็ไปทำลายคนอื่น เวลาผู้ที่โกรธเรา ถ้าเราโกรธตอบ เราโง่กว่าเขานะ ดูสิ เวลาเขาโกรธเรา เขาทำลายเรา แล้วเราจะไปโกรธตอบ ถ้าเราไม่โกรธตอบ เราเอาธรรมะสู้เขา เอาธรรมะสู้เขา ตั้งสติไว้ ดูสิ คนบ้า บ้าแล้วมันบ้าโทสะ โมหะ มันบ้าของมันแล้วมันทำลายคนอื่น เราตั้งสติ ธรรมย่อมชนะอธรรม ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะของเรา เราต้องชนะความบ้าอันนั้น

ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความบ้าอำนาจ ความคลั่ง สิ่งที่มันคลั่ง มันทำลายไปหมดเลย แต่วางทำหน้าฉากนะ หน้าฉากทำฉ้อฉล ทำว่าเป็นคนมีคุณงามความดี แต่มันก็เป็นเรื่องของกรรมของสัตว์นะ คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ ไอ้คนไปเชื่อมันก็เชื่อได้นะ มันเชื่อเพราะอะไร มันเชื่อเพราะผลประโยชน์ มันเชื่อเพราะว่าสิ่งที่มันจะได้รับ มันเห็นประโยชน์เฉพาะหน้า แต่เราไม่คิดนะ ถ้าเราคิดถึงศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บุพเพนิวาสานุสติญาณ สิ่งที่เกิดมา สิ่งที่อดีตชาติเกิดมา สิ่งที่พันธุกรรมทางจิตเราเกิดมา ในปัจจุบันนี้ ถ้าปัจจุบันนี้เราเป็นเรา เราจะมีสติสัมปชัญญะขนาดไหน จุตูปปาตญาณ คนที่ยังชำระกิเลสไม่ได้ ต้องเกิดไปข้างหน้า มันต้องเกิดไปข้างหน้า

แล้วปัจจุบันนี้ ถ้าเราโง่เขลากว่าเขา ให้เขาชักนำแล้วมันจะได้สิ่งใดออกไป แต่ถ้าไม่โง่เขลา แล้วเรามีจุดยืนของเรา พันธุกรรมของเราตัดแต่งมาดี พันธุกรรมของเรามีเหตุมีผล พันธุกรรมของเรามันจะดูพฤติกรรม พฤติกรรมของคน คนที่เป็นผู้นำทำอย่างนี้ได้ไหม คนที่เป็นผู้นำที่เป็นสิ่งที่ดี คนที่เป็นผู้นำที่เป็นธรรม คนที่เป็นผู้นำที่เป็นธรรมจะยับยั้งเราไม่ให้ทำในสิ่งที่ชั่ว สิ่งที่ชั่วนะ มันชั่วในอะไร ชั่วในเป็นผลที่ตกผลึกในใจไง นี่มันเกิดกิเลส นี่กรรมวัฏฏ์ กิเลสวัฏฏ์ วิปากวัฏฏ์ มันเกิดกิเลส เกิดกรรม เกิดการกระทำ แล้ววิบากกรรมที่มันตกกับคนที่ทำ เราเชื่อเขา เราให้เขาชักจูงไป มันก็เป็นสายบุญสายกรรมให้ทำกรรมไป แล้วก็ไปเกิดเป็นสายบุญสายกรรม เกิดมาโดยธาตุ

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก ลูกศิษย์พระสารีบุตรเป็นปัญญาทั้งหมด ธาตุมันเข้ากันด้วยปัญญา ลูกศิษย์ของพระโมคคัลลานะด้วยฤทธิ์ ธาตุคือเราก็มองแต่ธาตุ นี่ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ แต่ธาตุรู้ ธาตุที่พันธุกรรมที่มันเป็นธาตุรู้ ธาตุที่มีชีวิตน่ะ ธาตุที่เป็นพุทธะน่ะ เวลาเทวทัต ลูกศิษย์เทวทัตลามกหมดเลย ลามกเพราะมันชอบ มันเห็นสิ่งที่เอารัดเอาเปรียบเขาแล้วมันชอบ ว่าสิ่งที่เอารัดเอาเปรียบมันสบาย มันสะดวกมันสบาย พระสารีบุตร ลูกศิษย์พระสารีบุตรต้องมีปัญญา ปัญญาในอะไร ปัญญาในการเสียสละ ปัญญาในการรื้อค้นกิเลสตัณหาความทะยานอยาก ปัญญาของศากยบุตร ผู้ที่อยู่ในป่าในเขา นี่ปัญญาอย่างนี้มันทำลายกิเลสตัณหาความทะยานอยากของเรา มันใช้ปัญญาเข้าไปใคร่ครวญในกิเลสของเรา ในสิ่งที่พอกหัวใจของเรา ถ้ามันพ้นออกไปแล้วมันเหลืออะไร เหลือธรรมธาตุ เหลือสิ่งที่สะอาดบริสุทธิ์ สิ่งที่เป็นธรรมๆ

“ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม” มันจะได้สัจจะความจริง

ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมด้วยหน้ากาก ด้วยความอยากใหญ่ ด้วยโลกธรรม ด้วยสิ่งที่โมฆบุรุษตายเพราะลาภ มีลาภ อยากมีลาภสักการะ อยากมีชื่อเสียง เข้าไปอยู่ในป่าในเขาเหมือนกัน ออกจากป่าจากเขามา นี่แหม.. ใส่หน้ากากมา ๕ ชั้น ๑๐ ชั้นน่ะ นี่มันหลอกลวงเขา แต่ถ้ามันเป็นสัจธรรมน่ะมันจะไปหลอกลวงใคร เพราะอะไร สัจธรรมนะ นี่อริยสัจ ธรรมธาตุ เวลามันคิดมา กุศล อกุศลมันเกิดที่นั่นนะ กุศล อกุศลเกิดขึ้นมาน่ะ สิ่งที่พูดออกมาไม่เป็นสัจจะความจริงเราก็รู้ ปฏิบัติน่ะ ไอ้คนที่ปฏิบัติมันรู้เอง เป็นความจริงมันต้องเป็นความจริงขึ้นมา ถ้าไม่เป็นความจริงขึ้นมา คนที่เป็นโรคเป็นภัย เรื่องโรคภัยไข้เจ็บมันต้องแสดงตัวออกเป็นธรรมดา คนที่มีกิเลสตัณหาความทะยานอยากในหัวใจ กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันต้องแสดงเป็นธรรมดา ของมีอยู่มันต้องแสดงออก คนที่เป็น คนที่รู้มันต้องรู้ มันไม่เป็นความจริงหรอก

แต่ถ้าเป็นความจริงขึ้นมาน่ะ ทำไมถึงเป็นความจริง สิ่งที่เป็นความจริง ดูสิ สัตว์มนุษย์ ศากยบุตรเข้าไปอยู่ในป่าในเขา สิ่งที่เป็นความจริง เวลาวิตกกังวลในป่าในเขาเป็นอย่างไร เวลาจิตมันสงบขึ้นมา เหตุใดมันถึงสงบขึ้นมา แล้วสงบขึ้นมา ถ้ามันไม่ได้วิปัสสนา สงบแล้วเป็นอนิจจัง มันก็เจริญแล้วเสื่อมเป็นธรรมดา แต่ถ้ามันพิจารณาไปถึงที่สุดแล้วนะ มันขาดออกไปเป็นชั้นเป็นตอนเข้าไป มันรู้มันเห็นของมันน่ะ มันฆ่าเชื้อโรค เชื้อมันตายต่อหน้าต่อตา มันพลิกศพกิเลส มันนิติวิทยาศาสตร์ พลิกหมด เห็นหมด ถ้าไม่เห็นมันฆ่าไม่ได้ ถ้าไม่เห็นกิเลสตายต่อหน้า มันไว้ใจไม่ได้หรอก กิเลสมันตายต่อหน้าไป

พอกิเลสมันตายต่อหน้าเราไปแล้ว มันจะมีสิ่งใดเหลือ ถ้ามีสิ่งใดเหลือแล้ว เวลาออกจากป่าจากเขามาไม่มีสิ่งใดเหลือแล้ว มันจะมีอะไร มันจะแสดงออกได้อย่างไรน่ะ นี่มันแสดงออกโดยกิเลสไม่ได้ แต่สิ่งที่แสดงออก ดูสิ แสดงออกโดยธรรม กิริยาท่าทางมันเหมือนกัน กิริยาท่าทางของธรรมมันออกมาด้วยความรุนแรง นี่คนไม่เข้าใจก็ว่านี่กิเลสอีกแล้ว แต่ถ้าเป็นใส่หน้ากากเข้าหากันนะ แหม.. มันจะสุภาพเรียบร้อย มันจะล้วงกระเป๋าน่ะ ล้วงกระเป๋าเราเสียเฉพาะเงินนะ แต่มันล้วงกาลเวลา ล้วงชีวิตของเรา นี่พันธุกรรมทางจิตที่สร้างมาในปัจจุบัน แล้วในอนาคตมันจะไปอีก ล้วงกาลเวลา ล้วงโอกาส สิ่งที่โอกาส ชีวิตเราต้องสิ้นไปนะ

ถ้าปัจจุบันนี้เราเกิดมาพบพระพุทธศาสนา มีครูบาอาจารย์คอยชี้นำของเรา ถ้าเราทำความสะอาดที่นี่ได้นะ เราจะจบสิ้นกระบวนการกันที่นี่ แล้วเราจบที่นี่แล้วมันจะไม่เกิดอีก โอกาสโดนเขาล้วงไป โดนเขาควักไป มันน่าน้อยใจตรงนี้มากกว่า เรื่องแก้วแหวนเงินทองมันเป็นของสาธารณะ แต่ชีวิตเรา ความรู้สึกเรา โอกาสของเรา ชีวิตเราสำคัญที่สุดเลย แล้วให้เขามาตักตวงไปโดยที่ความโง่ของเราไง ความโง่ของเราไปเชื่อเขา แล้วทำลายโอกาสของเราไป แล้วเราก็ต้องตายไปเป็นธรรมดา จุตูปปาตญาณไปเกิดอีกแน่นอน ไปเกิดในสถานะไหน ถ้าไปร่วมมือกับเขา ทำความชั่วกับเขา มันก็ไปเกิดร่วมกับเขา

แต่ถ้าหัวหน้าเป็นผู้ที่ดี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว หัวหน้าที่ดีพากระทำความดี ถึงไม่ที่สิ้นสุด เราก็ไปเกิดในถิ่นที่ดี ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ต้องมีหลักมีเกณฑ์ ต้องมีสัจธรรม มีหลักใจ แล้วผู้นำที่ดี เราจะไปในที่ดี แล้วถ้าผู้นำที่ดี เราเชื่อใครไม่ได้ เราต้องเชื่อตัวเอง เชื่อธรรมของเรา ศีล สมาธิ ปัญญา สร้างขึ้นมา แล้วทำขึ้นมา เชื่อเรานะ ตั้งสติให้ดี กำหนดให้ดี ทำให้ดี แล้วมีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง ธรรมวินัย พระไตรปิฎก ตำรา เราค่อยมาเทียบเคียงเอา ตำรับตำราเป็นวิธีการนะ ตำราอาหารไม่มีอาหารในนั้นหรอก ตำราอาหารสอนให้เราทำอาหารกิน เราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา อาหารนี่ทำเสร็จแล้วมันถูกมันผิด เราไปเปิดตำราว่าการกระทำทำสิ่งใดลัดขั้นตอนไหม ทำสิ่งใด.. เปิดดูตำราอย่างนั้น แล้วมันจะเป็นประโยชน์กับเรา ถ้าไม่มีผู้นำ

ถ้ามีผู้นำนะ ถามผู้นำ ผู้นำตอบเสร็จแล้วนะ ไปเปิดตำราเหมือนกัน ผู้นำทำเสร็จแล้วผู้นำก็เคยทำอาหารมา แต่ในตำราทำอาหาร พระไตรปิฎกมันมีอยู่แล้ว เปิดสิ ผู้นำทำลัดขั้นตอนไหม ผู้นำทำผิดไหม แล้วผู้นำสอนออกมามันผิดหรือมันถูกอย่างไร มันตรวจสอบได้ ถ้าเราไม่หลงเชื่อเขาไปโดยความมักง่าย ด้วยความมักง่ายนะ ทำบุญต้องได้บุญน่ะ คนจะจูงเราไปเลยไง เราต้องตรวจสอบเพื่อไม่ให้เราเสียเวลา ตรวจสอบเพื่อเรานะ

เราเกิดมาเป็นชาวพุทธ พุทธศาสนานะ ต้องมีศรัทธา มีความเชื่อ ไม่มีศรัทธา ไม่มีความเชื่อ เราจะไม่เข้าไปฟังธรรม เราจะไม่ประพฤติปฏิบัติ ทีนี้เวลาประพฤติปฏิบัติไปแล้ว กาลามสูตร ไม่ให้เชื่อแม้แต่ครูบาอาจารย์บอก ไม่ให้เชื่อตำราอาหารนั้น ไม่ให้เชื่อเราบอกคนที่สอนนั้น เราเปิดตำราอาหารแล้วพิสูจน์ ให้เชื่อสัจจะความจริง ตำราอาหารมันชี้นำ ตำราอาหาร ถ้าเราทำผิดหรือทำไม่ได้อย่างนั้น มันก็ไม่ออกมาเป็นอย่างนั้นหรอก ถ้าเราทำถูกต้องแล้วน่ะ ทำแล้วมาใคร่ครวญ เราเปิดดู กาลามสูตร เพราะว่าถ้าผลมันตอบสนองมันเป็นความถูกต้องตามจริง มันจะลงตัวกันหมด ธรรมะไม่มีการขัดแย้งกันเลย ธรรมะจะไปช่องทางเดียวกัน ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้หมดเลย นี่ธรรมะมันเป็นอย่างนั้น

สัจจะความจริงมี ความรู้สึกของเรามี หัวใจเท่านั้นจะเป็นผู้ที่สัมผัสธรรม

เราเกิดมาแล้วในพระพุทธศาสนานะ เราเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา สิ่งที่เป็นประโยชน์แล้วอย่าให้เสียโอกาส ถ้ามันความจำเป็นของชีวิต ความจำเป็นของหน้าที่การงาน ไอ้นั่นก็คือความจำเป็นมันสุดวิสัย แต่เรามีโอกาสแล้วเราต้องทำเพื่อประโยชน์กับเรา ทรัพย์สินภายนอก อริยทรัพย์จากภายใน ให้เลือกเอา ถ้ามีสติสัมปชัญญะ คิดได้นะ แต่มันเป็นธรรมดา ธรรมดาเหมือนกับเข็นครกขึ้นภูเขา มันจะไหลลงมาธรรมดา

นี่เหมือนกัน ชีวิต เราศรัทธา เราความเชื่อ มันก็จางไปเป็นธรรมดา มันจะออกไป มันจะหมุนเวียนอย่างนี้ มันไม่จริง ศรัทธา อริยศรัทธา ศรัทธาที่มันจะเป็นความมุ่งมั่นมันต้องมีสิ่งยอมรับ มันต้องมีสิ่งสัมผัส มันถึงจะเป็นความจริงกับเรา นี่ตั้งใจ ชีวิตเรามีคุณค่า อย่าให้ใครชักนำ เราต้องยืนของเราได้ เอวัง